เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่จะทำความเย็นเฉพาะจุดหรือพื้นที่ที่ต้องการ ซึ่งจะต่างจากแอร์ตัวใหญ่ที่มีระบบการทำงานแบบกระจายความเย็นทั้งห้อง ทั้งยังใช้ไฟน้อยกว่าแอร์ถึง 50% เลยนะจะบอกให้ หรือใช้พัดลมไอเย็นมาช่วยดับร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน
9. ไม่นำความชื้นเข้าห้อง
แอร์ใช้พลังงานในการทำความเย็น 30% และอีก 70% เป็นพลังงานสำหรับจำกัดความชื้น ทำให้อากาศในห้องแห้ง ฉะนั้นควรเลี่ยงนำสิ่งของที่มีความชื้นเข้าห้อง เช่น ต้นไม้ หรือผ้าเปียก เป็นต้น
10. ไม่นำของร้อนเข้าห้อง
อุปกรณ์หรือเครื่องครัวต่าง ๆ ที่ทำความร้อน เช่น กระทะไฟฟ้า หม้อต้มสุกี้ ไม่ควรนำมาประกอบอาหารในห้องแอร์ เพราะความร้อนในห้องนั้น ๆ จะสูงขึ้นและทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น ฉะนั้นจึงควรประกอบอาหารให้เสร็จในครัวหรือพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ได้เปิดแอร์ดีกว่า
11. ปิดประตูและหน้าต่างให้สนิท
ก่อนจะเปิดแอร์ควรปิดประตูและหน้าต่างในห้องให้สนิท แต่ถ้ามั่นใจว่าปิดดีแล้ว แต่ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมค่าไฟยังแพงอยู่ นั่นอาจเป็นเพราะว่ามีจุดรั่วไหลของแอร์ตามช่องใต้ประตูหรือซอกหน้าต่าง ฉะนั้นควรรีบสำรวจแล้วจัดการปิดรอยรั่วเหล่านั้นซะให้เรียบร้อย
12. ปลูกต้นไม้
หากบริเวณบ้านยังมีที่ว่างเหลือ ๆ ลองหาต้นไม้ให้ร่มเงามาปลูกดู เพราะรู้หรือไม่ว่าการปลูกต้นไม้สามารถช่วยลดอุณหภูมิรอบ ๆ ได้ถึง 2-4 องศาเซลเซียส แถมยังช่วยลดการใช้พลังงานจากแอร์ได้ 10-15% โดยเฉพาะการปลูกต้นไม้ใหญ่สามารถให้ความเย็นเท่าเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU เลยทีเดียว
13. ตั้งคอมเพรสเซอร์ในที่ร่ม
จริง ๆ แล้วตำแหน่งวางคอมเพรสเซอร์ก็มีผลกับการใช้พลังงานเหมือนกัน หากเป็นไปได้ควรติดตั้งไว้ในที่ร่ม และมีอากาศถ่ายเทสะดวก ก็จะช่วยให้สามารถประหยัดไฟฟ้าเพิ่มได้อีก 15-20% เลยทีเดียว เรียกว่าบิลมาก็ไม่ต้องตกใจค่าไฟตอนสิ้นเดือนอีกต่อไป
ต่อให้หน้าร้อนจะร้อนอบอ้าวแค่ไหน แต่เราก็สามารถประหยัดค่าไฟได้ด้วยวิธีลดค่าแอร์ช่วงหน้าร้อนเหล่านี้ วิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยลดปริมาณการใช้แอร์ แต่ภายในบ้านยังคงเย็นสบายน่าอยู่เหมือนเดิม