5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้แอร์

จากสภาพอากาศ และสภาพฤดูกาลที่เป็นหน้าร้อนไปกว่าครึ่งทำให้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของคนไทยนั้นต้องเป็นแอร์ ทุกๆ บ้านใช้แอร์เป็นตัวช่วยเปลี่ยนความร้อนระอุภายในบ้านให้เป็นสวรรค์บนดินด้วยความเย็น แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนบิลค่าไฟออกอาจทำให้คนกุมอำนาจการใช้จ่ายภายในบ้านถึงกับหงายตึง และเกิดข้อสงสัยว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เมื่อคุณมาซื้อแอร์ที่เพาเวอร์บายแล้วนอกจากเราจะอยากให้คุณได้รู้วิธีการเลือกซื้อแอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว เรายังอยากแก้ไขความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้แอร์ของคุณด้วย เพราะนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณใช้แอร์ที่บ้านได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมยังอาจเป็นการใช้ไฟมากจนเกินจำเป็น ไปดูกันซิว่า 5 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการใช้แอร์นั้นมีอะไรบ้าง
 
ประหยัดเงินโดยการใช้แอร์เครื่องเก่า
 
ข้อนี้จัดเป็นความเชื่อผิดๆที่เป็นปัญหาเรื้อรังของหลายๆบ้าน เข้าตำราที่ว่า ‘เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย’ แค่เปรียบเปรยเป็นคำพังเพยหลายคนคงยังนึกภาพตามไม่ออก แต่ถ้าให้ลองนึกถึงว่าแอร์เครื่องเก่าที่บ้านของคุณเสียค่าซ่อมบ่อยแค่ไหนต่อปี ค่าไฟแต่ละเดือนนั้นสูงขนาดไหน เปิดใช้แอร์แต่ละครั้งนานแค่ไหนถึงจะเย็น ตอนกลางคืนเคยสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะเสียงมอเตอร์แอร์ทำงานบ้างหรือเปล่า และที่พูดมานี้เกิดจากการที่คุณใช้แอร์เก่าทั้งสิ้น เมื่อลองบวกลบคูณหาร คำนวณดูแล้วการใช้แอร์เก่านั้นส่งผลเสียมากเกินกว่าที่คุณคิด การประหยัดเงินในทางที่ผิดนั้นส่งผลให้เงินในกระเป๋าของคุณปลิวออกจากตัวมากกว่าซื้อแอร์เครื่องใหม่ดีๆ ซักเครื่องเสียอีก
 
 
เปิด – ปิดแอร์บ่อยๆเพื่อช่วยประหยัดไฟ
 
บางบ้านที่ไม่ต้องการอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ นานๆ แต่ชอบเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำช่วงหนึ่งแล้วค่อยปิดแอร์มาเปิดพัดลมแทน มักจะคิดว่าช่วยประหยัดไฟได้มาก เพราะตัดช่วงเวลาเปิดแอร์ไปเกินครึ่ง แต่ความเชื่อนี้ผิดมหันต์เพราะจริงๆแล้วช่วงการทำงานของแอร์ที่หนักที่สุดและกินไฟที่สุด นั้นคือช่วงที่เริ่มเปิดแอร์และสตาร์ทมอเตอร์ให้เร่งหมุนเพื่อสร้างความเย็น หลังจากที่ปรับอุณหภูมิห้องให้เย็นคงที่ได้แล้ว ถ้าอุณหภูมิไม่ได้สูงขึ้นจนผิดจากเดิมไปมากก็ไม่ได้ทำให้กินไฟเท่าไรนัก ดังนั้นการเปิดๆ ปิดๆ แอร์เป็นระยะเวลาสั้นๆ หลายๆครั้งจึงเปลืองไฟมากกว่าการเปิดแอร์ครั้งนึงแบบยาวๆเสียอีก รู้แบบนี้แล้วไม่ต้องคอยปิดแอร์ทุกทีที่รู้สึกว่าเย็น และเปิดใหม่เมื่อหมดไอแอร์หรอก เพราะนั่นมันกินไฟยิ่งกว่าที่คุณคาดคิดเสียอีก
 
 
กำหนดอุณหภูมิห้องได้เป๊ะด้วยรีโมตแอร์ 
 
หลายๆคนมักคิดว่าอุณหภูมิของห้องที่คุณเปิดแอร์สามารถควบคุมได้เป๊ะๆด้วยรีโมท เช่นกดรีโมทที่ 25 องศา อุณหภูมิภายในห้องก็จะอยู่ที่ 25 องศา ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ถูกเพียงครึ่งเดียว เพราะถูกเฉพาะกับแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์เท่านั้นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้เป๊ะและคงที่เมื่อถึงอุณภูมิห้องถึงจุดที่คุณตั้งไว้ แต่กับแอร์ระบบธรรมดามักจะทำความเย็นให้มีอุณหภูมิต่ำกว่าที่คุณกำหนดไว้ซัก 1-2 องศา คุณจึงรู้สึกว่าเปิดแรกๆแอร์จะเย็นฉ่ำ แต่เมื่อแอร์จับได้ว่าอุณหภูมิสูงเกินจำเป็นจะทำให้แอร์ตัดและเริ่มใหม่นั่นเป็นจุดที่ทำให้คุณเปลืองไฟนั่นเอง
 
เวลาเลือกแอร์นั้นคนที่ศึกษาหาความรู้มาพอสมควรก็จะเลือกซื้อแอร์ที่ตามบีทียูที่เหมาะสมกับการใช้งาน แต่สำหรับมือใหม่หัดเลือกซื้อแอร์ ยิ่งในยุคดิจิตัลที่อะไรๆก็เร่งรีบ หลายบ้านมักตัดปัญหาโดยการเลือกแอร์ที่บีทียูมาก เพราะคิดว่าบีทียูยิ่งมากยิ่งดี ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ผิดเพราะถ้า BTU สูงไปคอมเพลสเซอร์แอร์จะตัดบ่อย ทำให้ความชื้นภายในห้องสูงแถมยังเปลืองไฟ แต่ถ้าเลือก BTU ต่ำเกินไป แอร์ก็จะทำงานหนัก แอร์ไม่ค่อยเย็น และยังทำให้แอร์เสียไวอีกด้วย ดังนั้นการเลือกบีทียูแอร์จึงควรเลือกให้พอดีกับขนาดของห้องและการใช้งาน ไม่สูงไป หรือต่ำไปเพราะไม่ว่าจะแบบไหนก็ส่งผลเสียต่อคุณทั้งนั้น
 
เปิดแอร์ไว้ที่ 25 องศาประหยัดไฟที่สุด
 
หลายๆบ้านมักเข้าใจผิดกับตัวเลข 25 องศาว่าช่วยให้คุณประหยัดไฟ จากการปลูกฝังมาช้านาน จริงๆแล้วการตั้งอุณหภูมิแอร์ไว้ที่ 25 องศาไม่ได้ประหยัดไฟที่สุด แต่เพราะอุณหภูมิ 25 องศานั้นเป็นค่าอุณหภูมิกลางๆที่เย็นกำลังดี เหมาะกับอากาศของบ้านเรา แต่สำหรับบางคนที่คิดว่าอุณหภูมิ 26-28 องศาก็เย็นพอแล้วก็ไม่จำเป็นต้องตั้งอุณหภูมิไปเป็น 25 องศา เพราะยังไงการตั้งอุณหภูมิสูงก็ย่อมประหยัดไฟได้มากกว่าการตั้งอุณหภูมิต่ำอยู่แล้ว