หนึ่งในปัญหาสำคัญของการอยู่อาศัยคอนโด (หรือแม้แต่บ้านแนวราบหรือหอพักใดๆ ก็ตาม) ในช่วงฤดูที่อากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย เชื่อว่าก็คงจะไม่พ้นปัญหาเรื่องแอร์ไม่เย็นอย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าปัญหาแอร์ไม่เย็นนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกรำคาญและไม่สบายเนื้อสบายตัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นตอนนอน หรือตอนที่ต้องการพักผ่อนอยู่ในห้องช่วงวันหยุด ในประเด็นปัญหาที่พักอาศัยวันนี้ JARTON ก็จะมาชำแหละปัญหาแอร์ไม่เย็นให้ผู้อ่านทราบ ว่ามีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง แล้วเราจะมีวิธีในการแก้ปัญหาแอร์ไม่เย็นกันได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราไปเริ่มกันเลย
ปัญหาแอร์ไม่เย็น เกิดจากอะไร
ปัญหาของเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ ไม่ว่าจะเป็นแอร์ไม่เย็น หรือแอร์เย็นช้า หรือแอร์ไม่ได้เย็นฉ่ำเหมือนตอนที่ติดตั้งใหม่ๆ ก็อาจจะมีต้นตอได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การปรับโหมดแอร์ในรีโมทโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจหรือไม่รู้ตัว ทำให้แอร์ไม่ทำงานให้เย็น หรืออาจจะเกิดมาจากการที่คอมเพรสเซอร์แอร์เกิดขัดข้อง หรืออาจจะเกิดมาจากไส้กรองอากาศในเครื่องแอร์สกปรกสะสมมานาน หรือน้ำยาแอร์หมดก็เป็นไปได้เช่นกัน ไม่เพียงเท่านั้นปัญหาแอร์ไม่เย็นก็อาจจะเกิดได้จากสาเหตุใหญ่ๆ อย่างแอร์มีรอยรั่ว เป็นต้น
สาเหตุที่ทำให้แอร์ไม่เย็น
สาเหตุของปัญหาแอร์ไม่เย็น สามารถสรุปเป็นข้อต่างๆ ได้ดังนี้
1. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากการไม่เติมน้ำยาแอร์
น้ำยาแอร์เป็นสารที่ช่วยในการทำความเย็น หากแอร์ไม่เย็นสักที ส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากน้ำยาแอร์ไม่เพียงพอ แต่หากเพิ่งเติมน้ำยาแอร์ไม่นานแต่แอร์ก็ยังไม่เย็นอีก ให้เราลองสังเกตดูว่ามีการรั่วที่แอร์หรือไม่ ท่อส่งน้ำยาแอร์อุดตันหรือเปล่า เพราะสาเหตุย่อยพวกนี้อาจทำให้น้ำยาแอร์เข้าไปหล่อเลี้ยงในเครื่องแอร์ไม่เพียงพอให้ความเย็นได้ตามที่ตั้งค่าไว้นั่นเอง
2. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากการไม่ได้ล้างแอร์
การไม่ล้างแอร์ จะทำให้แอร์ไม่เย็นได้จากสิ่งสกปรกสะสมโดยเฉพาะฝุ่นต่างๆ ซึ่งสามารถเป็นแหล่งรวมของเชื้อโรคและสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ อีกมากมาย เมื่อเข้าไปอุดตันในไส้กรองอากาศของเครื่องแอร์ในห้อง และที่คอมเพรสเซอร์แอร์ด้านนอกจนทำให้แอร์ระบายความร้อนได้ไม่ดีพอ และไม่สามารถทำความเย็นได้ตามต้องการ วิธีแก้ไข้ที่ดีคือให้ล้างแอร์ตามกำหนดเป็นประจำ เช่น ทุกๆ 4 – 6 เดือน หรือหลังจากช่วงที่สภาพอากาศมีฝุ่นจัด
3. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากสิ่งกีดขวางทางลมของแอร์
การโฟลว์ของลมแอร์ก็มีส่วนสำคัญในการกระจายความเย็นให้ทั่วห้อง หากมีสิ่งของวางขวางทางลมไว้ อย่างเช่น ฉากกั้นห้อง ตู้ทรงสูง หรือการติดตั้งแอร์ใกล้ขอบม้านมากเกินไป ก็จะทำให้ลมแอร์และความเย็นไม่สามารถกระจายให้ทั่วห้องได้เท่าที่ควรนั่นเอง ดังนั้นก่อนการตกแต่งห้องหรือติดตั้งแอร์จึงควรออกแบบหรือสังเกตลักษณะห้องอย่างคร่าวๆ ก่อนเพื่อดูทิศทางการกระจายลมของแอร์ด้วย
4. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากความเผอเรอ
บ่อยครั้งที่ปัญหาแอร์ไม่เย็น ก็อาจมีที่มาจากการปรับโหมดในรีโมทแอร์โดยไม่ได้ตั้งใจได้อีกด้วย ซึ่งปัญหาที่มาจากรีโมทแอร์นั้น ก็สามารถเกิดขึ้นได้หลายกรณี เช่น ปรับโหมดผิด หรือเผลอไปกดรีโมทที่โหมดพัดลม (FAN) แทนที่จะเป็นโหมดเย็น (COOL) ก็จะทำให้แอร์ปล่อยแต่ลมเปล่าๆ ออกมา หรืออย่างการเผลอไปปรับบานลมแอร์ให้กดลงจ่อพื้น หรือชี้ขึ้นเพดาน ไม่ส่ายไปมา ความเย็นก็กระจายทั่วห้องได้ช้า เป็นต้น
5. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากจำนวนคนในห้อง
อีกสาเหตุของปัญหาแอร์ไม่เย็นที่สามารถเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เลยเช่นกัน คือการที่ภายในห้องมีจำนวนคนอยู่มากเกินไป และด้วยอุณหภูมิของร่างกายที่อาจจะสูงกว่าอุณหภูมิของห้อง ที่อุณหภูมิร่างกายเฉลี่ย 35 – 36 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิแอร์ทั่วไปที่นิยมปรับไว้ที่ 25 – 28 องศาเซลเซียส หากในห้องมีคนอยู่เยอะกว่าอุณหภูมิของทั้งห้องจะปรับลงได้ตามที่ตั้งค่าไว้ ก็ต้องใช้เวลานานนั่นเอง
6. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากค่า BTU แอร์ไม่เหมาะสมกับขนาดห้อง
เรื่องปัญหา BTU แอร์ไม่สัมพันธ์กับขนาดห้อง ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาแอร์ไม่เย็นที่เราพบได้บ่อยมากครับ เพราะสำหรับบางคนที่อาจจะยังไม่ได้มีความรู้เรื่องการใช้แอร์ ก็อาจจะเข้าใจว่า เราจะใช้แอร์ขนาดเล็กไว้ก่อนเพราะจะได้ประหยัดไฟ ปล่อยให้แอร์ทำงานไปเดี๋ยวห้องก็เย็นเอง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นความเข้าใจที่ผิดมากๆ เพราะว่าค่า BTU (British Thermal Unit) ของแอร์จะต้องมีความสัมพันธ์กับขนาดของห้อง ไม่มากเกินไปเพราะแอร์จะกินไฟเกินจำเป็น และไม่น้อยเกินไปเพราะแอร์จะทำงานหนักเกินไป ทั้งห้องไม่เย็นและกินไฟอีกด้วย
7. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากแผ่นกรองอากาศสกปรก
บ่อยครั้งที่ปัญหาแอร์ไม่เย็นก็มาจากการแผ่นกรองอากาศหรือไส้กรองของแอร์สกปรกและมีผุ่นสะสมจนหนาได้เหมือนกัน โดยทำให้ทางลมแอร์นั้นถูกบัง ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาแอร์ดูดอากาศเข้าไปได้ไม่มากเท่าที่ควรและส่งผลให้แอร์ไม่เย็นได้ครับ ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาง่ายๆ ก็คือการถอดแผ่นกรองอากาศออกมาล้างทำความสะอาดฝุ่นออกไปให้หมด นอกจากนี้ยังควรทำความสะอาดแอร์ในทุก ๆ 4 – 6 เดือน หรือหลังพ้นจากช่วงที่สภาพอากาศภายนอกมีฝุ่นจัด
8. ปัญหาแอร์ไม่เย็นจากการปิดประตูและหน้าต่างไม่สนิท
การปิดประตูหรือหน้าต่างไม่สนิท ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของปัญหาแอร์ไม่เย็นที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับบางคนที่สงสัยว่าทำไมเปิดแอร์ตั้งนานแล้วยังไม่เย็นสักที ก็ให้ลองเช็กดูตามประตูหน้าต่างให้ดีว่าปิดสนิทมิดชิดแล้วหรือไม่ หรือเป็นไปได้ที่ขอบยางหรือแนวสักหลาดอาจเสื่อมหรือชำรุด หากมีช่องให้อากาศรั่วก็ให้ซ่อมแซมแนวขอบประตูและหน้าต่างให้เรียบร้อย
สามารถตรวจสอบปัญหาแอร์ไม่เย็นจากตรงไหนเองได้บ้าง
หากเริ่มรู้สึกว่าแอร์ทำงานไม่เย็น บ่อยครั้งอาจจะมีสาเหตุมาจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่คาดคิด ยังไม่ถึงขั้นแอร์เสียหรือขัดข้อง เพียงแต่ให้เราตรวจสอบเองง่ายตาม 5 วิธีนี้ก่อนในเบื่องต้น หากแอร์ยังมีปัญหาอยู่จึงค่อยดำเนินการแจ้งช่างมาซ่อมแซมจัดการแอร์ได้เลย
1. ตรวจสอบรีโมทแอร์
จากที่กล่าวไปข้างต้นว่า มีไม่น้อยที่สาเหตุที่แอร์ไม่เย็นอาจจะมาจากการตั้งค่าโหมดผิด ทำให้แอร์ไม่ทำความเย็น ให้เริ่มสังเกตที่รีโมทแอร์เป็นอันดับแรกก่อนเลยว่า แอร์ถูกตั้งค่าในโหมดพัดลมเปล่า ๆ หรือปิดการส่ายของบานพับแอร์หรือไม่ ถ้าใช่ ให้รีบกดกลับไปที่โหมด Cool (ซึ่งเป็นรูปเกล็ดหิมะ) หรือเปิดการส่ายบานพับซะ หรือหากรีโมทกดไม่ติด ไม่ส่งสัญญาณสั่งงานแอร์ ก็ให้ลองเปลี่ยนถ่านในรีโมทดูเพราะอาจจะถ่านอ่อนได้นั่นเอง
2. ตรวจสอบอุณหภูมิสภาพอากาศนอกห้อง
สำหรับช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด ให้เราลองตรวจดูอุณหภูมิภายนอกห้องด้วยว่าเป็นอย่างไร ร้อนจัดแค่ไหน หากว่าอากาศร้อนจัดมากๆ ระดับอุณหภูมิที่เคยตั้งค่าแอร์ไว้เป็นประจำก็อาจจะทำความเย็นได้ไม่มากไม่เย็นดั่งใจ เราก็อาจจะต้องลดอุณหภูมิให้เย็นกว่าเดิมอีกมานิด แม้ว่าตามหลักแล้วแอร์จะกินไฟมากขึ้น แต่ก็อากาศมันร้อนนี่นาเนอะ
3. ตรวจสอบแผ่นกรองอากาศ
เป็นกรณีของแอร์สะสมความสกปรกไว้นั้นเอง โดยแผ่นกรองอากาศหรือไส้กรองของแอร์จะกรองลมที่ดูดจากภายในห้องให้ผ่านขดทำความเย็น (คอยล์เย็น) ซึ่งบ่อยครั้งจะเป็นส่วนที่สะสมฝุ่นและสิ่งสกปรกต่างๆ ให้เกาะจนบดบังทางลมแอร์นั่นเอง วิธีแก้ง่ายๆ ก็คือให้ล้างแอร์สม่ำเสมอตามกำหนดเป็นประจำ หรือหลังพ้นช่วงที่สภาพอากาศมีฝุ่นจัด
4. ตรวจสอบคอมเพรสเซอร์แอร์
ในเครื่องปรับอากาศแอร์บางรุ่นของบางยี่ห้อจะมีระบบป้องกันไฟตก ทำให้เวลาไฟฟ้าถูกจ่ายมาที่เครื่องแอร์ (คอยล์เย็น) ทำงานต่อได้ แต่ตัวคอมเพรสเซอร์ด้านนอก (คอยล์ร้อน) จะไม่ทำงานเพราะไฟฟ้าไม่พอ โดยให้ตรวจเช็คดูว่าคอมเพรสเซอร์ยังทำงานปกติดีอยู่หรือเปล่า โดยอาจให้ลองปิดแอร์และสับเบรกเกอร์หลักที่จ่ายไฟฟ้าให้แอร์ลง เพื่อตัดการจ่ายไฟฟ้าแล้วค่อยยกเบรกเกอร์ขึ้นและลองเปิดแอร์ตามเดิม หากแอร์กลับมาเย็นดีก็แปลว่ายังทำความเย็นได้ปกติดีนั่นเอง
5. ตรวจสอบรอบการล้างแอร์
การที่แอร์สกปรกไม่ได้จัดการแค่เพียงการล้างแผ่นไส้กรองอากาศที่ตัวเครื่องแอร์ในห้องเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการต้องล้างเครื่องคอมเพรสเซอร์แอร์ที่อยู่ด้านนอกด้วย ซึ่งหากปล่อยให้เกิดคราบฝุ่นสะสมจนอุดตัน จะทำให้แอร์ระบายความร้อนได้ไม่เต็มที่ และแอร์ในห้องไม่เย็นนั่นเอง ซึ่งโดยปกติเราควรล้างแอร์เป็นรอบ ทุกๆ 4 – 6 เดือน ทั้งส่วนเครื่องแอร์ในห้องและตัวคอมเพรสเซอร์ด้านนอกด้วย
ปัญหาแอร์ไม่เย็นนั้น นับว่าเป็นปัญหาคลาสสิคของการอยู่อาศัยคอนโด หรือที่อยู่อาศัยยุคใหม่เลยก็ว่าได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้รู้สึกรำคาญอยู่อาศัยไม่สะดวกสบายแล้ว ยังอาจส่งผลให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ทั้งปัญหาค่าไฟแพงเพราะแอร์กินไฟ รวมไปถึงปัญหาแอร์เสียหรือชำรุดได้อีกด้วย โดยหากเป็นปัญหาที่มีสาเหตุเล็กน้อย เราก็อาจแก้ไขด้วยตัวเองได้ไม่ยากให้แอร์กลับมาทำความเย็นได้ตามปกติ แต่หากแอร์ทำงานขัดข้องมากกว่านี้เราจึงค่อยแจ้งช่างซ่อมเข้ามาช่วยแก้ไข