Categories
บทความ

ระบบระบายอากาศในโรงงาน คืออะไร แตกต่างจากระบบระบายอากาศทั่วไปอย่างไร

ระบบระบายอากาศในโรงงาน คืออะไร แตกต่างจากระบบระบายอากาศทั่วไปอย่างไร

ระบบระบายอากาศในโรงงาน คือ การนำอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก เข้ามาในพื้นที่หรือเบริเวณที่ทำงาน ในโรงงาน หรือ โรงงานผลิต และกำจัดอากาศภายในอาคารที่ปนเปื่อนผุ่นละออง หรือสารที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ

ระบบระบายอากาศในโรงงาน

ระบบระบายอากาศในโรงงานอุตสาหกรรมสำคัญอย่างไร

ระบบระบายอากาศในโรงงาน มีความสำคัญในการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน ปลอดภัยสำหรับพนักงาน และเพื่อกำจัดหรือควบคุมสารปนเปื้อนที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆในโรงงาน

วัตถุประสงค์ของการระบายอากาศในโรงงาน

  • ปรับและควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม
  • ควบคุมความชื้นสัมพันธ์ให้เหมาะสม
  • ระบายอากาศเสียทิ้ง
  • หมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์
  • กำจัด หรือเจือจารสารปนเปื้อนในอากาศ

ระบบระบายอากาศอุตสาหกรรมมี 2 ระบบย่อยได้แก่

ระบบจ่ายอากาศบริสุทธิ์

ซึ่งประกอบด้วยงช่องอากาศเข้า อุปกรณ์กรองอากาศสำหรับแอร์โรงงาน อุปกรณ์ทำควาร้อนและ/หรือทำความเย็น พัดลม ท่อระบายอากาศ และการวัดอัตราการจ่ายอากาศ

ระบบระบายอากาศเสีย

ซึ่งประกอบด้วย ช่องรับอากาศเข้า ตัวจับอากาศเพื่อนำอากาศที่ปนเปื้อนออกจากพื้นที่หนึ่งระบายออกไปยังอีกพื้นที่หนึ่ง อุปกรณ์ทำความสะอาดอากาศ ปล่องระบายและพัดลม

ประเภทของระบบระบายอากาศในโรงงานอุตสาหกรรม

ระบบเจือจางอากาศ

ระบบเจือจางช่วยลดจำนวนสารปนเปื้อนในอากาศ โดยผสมอากาศที่ปนเปื้อนกับอากาศบริสุทธิ์ที่สะอาด ในการติดตั้งระบบเจือจางนั้น พัดลมดูดอากาศขนาดใหญ่จะติดตั้งไว้ที่ผนังหรือหลังคาโรงงาน นิยมใช้ระบบแบบนี้เมื่อ

ระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่

ระบบนี้ใช้ในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนในอากาศสูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับพนักงานมากขึ้นระบบระบายอากาศเสียในพื้นที่จะดักจับสิ่งปนเปื้อนที่แหล่งกำเนิดและขับออกไปภายนอก มันทำงานบนหลักการที่อากาศเคลื่อนจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ความแตกต่างของแรงดันนี้เกิดจากพัดลมที่ดึงอากาศผ่านระบบระบายอากาศ

ระบบระบายและควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร

ระบบระบายและควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร ซึ่งให้ความร้อนหรือความเย็นสดชื่นแก่อาคาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบทำความร้อน การระบายอากาศ และระบบปรับอากาศ

Categories
บทความ

ทำความรู้จักกับ ระบบปรับอากาศ Air Conditioning ขนาดใหญ่ในอาคาร คืออะไร

ทำความรู้จักกับ ระบบปรับอากาศ Air Conditioning ขนาดใหญ่ในอาคาร คืออะไร

ระบบปรับอากาศ Air Conditioning คืออะไร

ตามปกติเมื่อได้ยินคำว่า “การปรับอากาศ หรือ ระบบปรับอากาศ” สิ่งแรกที่ทุกคนเข้าใจก็คือการทำอากาศให้เย็นเท่านั้น แต่ในความหมายที่แท้จริงของคำว่าการปรับอากาศแล้ว จะต้องมีความหมายรวมถึงการควบคุมอุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศ ผ่านคอยล์เย็นและสารทำความเย็น ให้มีอุณหภูมิพอเหมาะให้คนที่อยู่ข้างในมีความรู้สึกสบาย ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ขออากาศการระบายอากาศเสียทิ้ง รวมทั้งการหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์และการกรองอากาศที่สกปรกให้สะอาด

ระบบปรับอากาศในอาคาร แตกต่างอย่างไรกับเครื่องปรับอากาศแบบปกติ

เครื่องปรับอากาศแบบปกติหรือแอร์บ้าน จะมีหลักการทำงานคล้ายๆกับระบบปรับอากาศภายในอาคาร จะแตกต่างกันที่ แอร์บ้านจะให้สารทำความเย็นวิ่งผ่านคอยล์เย็นทำให้เกิดลมเย็น ส่วนระบบปรับอากาศในอาคารหรือ Chiller จะให้สารทำความเย็นทำน้ำให้เย็นก่อน แล้วจึงส่งน้ำเย็นไปหา ท่อส่งลม หรือ AHU เพื่อผลิตอากาศเย็นเข้าไปยังพื้นที่ที่ต้องการทำความเย็น การเลือกรูปแบบระบบทำความเย็นในอาคาร สำนักงาน หรือบ้าน จะดูจากพื้นที่ที่ต้องการทำควมเย็นเป็นหลัก

ระบบปรับอากาศมีกี่ประเภท กี่แบบ

ระบบปรับอากาศที่นิยมใช้ในปัจจุบันสามารถแบ่งได้ดังนี้คือ

  1. ระบบปรับอากาศระบบน้ำยา ( Direct Expansion System ) ขนาด 1-25 Ton ความเย็น
    • นิยมใช้กับบ้านพัก , คอนโดมิเนียมที่พักอาศัย , สำนักงานที่ไม่ใหญ่มาก
  2. ระบบปรับอากาศระบบ Packaged Unit ( มี Compressor คอยล์ร้อน , คอยล์เย็น , พัดลมอยู่ในเครื่อง )
    1. ระบายความร้อนด้วยอากาศ ( 15 – 30 Ton ความเย็น )
    2. ระบายความร้อนด้วยน้ำ ( 15 – 45 Ton ความเย็น )
    • นิยมใช้กับ Office condominium ซึ่งแบ่งแยกความเป็นเจ้าของในแต่ละ Unit โดยส่วนกลางจะจัดหา Cooling Tower และ Pump ให้ ระบายความร้อนจากเครื่อง Package ให้ ซึ่งค่าไฟฟ้าแยกจ่ายตามแต่ละ Unit
  3. ระบบปรับอากาศระบบน้ำเย็น ( Chilled water system )
    1. ระบายความร้อนด้วยอากาศ Air Cooled Chiller ( 40 – 200 Ton ความเย็น )
    2. ระบายความร้อนด้วยน้ำ Water Cooled Chiller ( 100 – 1,500 Ton ความเย็น )
    • นิยมใช้กีบเจ้าของที่เป็นเจ้าของอาคาร และต้องการจ่ายค่าไฟฟ้าเองเช่น โรงแรม , ศูนย์การค้า , สำนักงาน เป็นต้น
 

ระบบการจ่ายลมเย็นของระบบปรับอากาศในอาคาร

ระบจ่ายลมเย็นของระบบปรับอากาศจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบคือ

1. ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับระบบปรับอากาศแบบไม่มีท่อส่งลม ระบบนี้ใช้เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนในพื้นที่ปรับอากาศ โดยอากาศในพื้นที่จะถูกพัดลมดูดหมุนเวียนไปยังคอยล์เย็นแล้วส่งกลับไปที่ห้องปรับอากาศอีกครั้ง มีการระบายอากาศโดยพัดลมดูดอากาศที่ทำหน้าที่ดูดอากาศออกไปทิ้งยังภายนอก และเติมอากาศใหม่โดยอาศัยการแทรกซึมของอากาศตามช่องลม ขอบหน้าต่าง หรือขอบใต้ประตู

2. ระบบหมุนเวียนอากาศสำหรับระบบปรับอากาศแบบมีท่อส่งลม ระบบปรับอากาศที่ใช้ท่อส่งลมเย็นมักเป็นระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ โดยอากาศในพื้นที่ที่ต้องการปรับอากาศจะถูกพัดลมดูดหมุนเวียนอากาศกลับไปที่คอยล์เย็นผ่านทางท่อลม ซึ่งในขณะที่หมุนเวียนอากาศอยู่ก็จะมีการเติมอากาศใหม่จากภายนอกเข้าไปเพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพของอากาศ และส่งกลับไปยังพื้นที่ปรับอากาศ

 

ปัจจัยสำคัญในการความคุมการปรับอากาศ สรุปได้ดังนี้

1. ปรับและควบคุมอุณหภูมิ การปรับอุณหภูมิภายในห้องปรับอากาศให้อยู่ในช่วงที่คนเรากำลังรู้สึกสบายเป็นสิ่งสำคัญมาก อุณหภูมิที่คนกำลังสบายควรอยู่ระหว่าง 24 – 26 องศาเซลเซียส

2. ควบคุมความชื้นสัมพัทธ์ ความชื้นสัมพัทธ์มีผลต่อความสบายของมนุษย์เรามากพอๆ กับอุณหภูมิ ถ้าความชื้นสำพันธ์มีค้าน้อยมาก ก็จะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว ผิวแห้ง คัน ได้ ความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสำหรับมนุษยืเราที่อยู่ได้สบายควรมีค่าประมาณ 50-60 %R.H. ( R.H. ย่อมาจาก Relative humidity หมายถึง ความชื้นสัมพัทธ์ )

3. ระบายอากาศเสียทิ้ง แม้ว่าในห้องปรับอากาศจะมีอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม แต่ถ้าอากาศในห้องยังอับทึบและไม่บริสุทธิ์ ก็ย่อมทำให้ผู้อาศัยอยู่ข้างในรู้สึกอึดอัดและไม่สุขสบายดังนั้นการปรับอากาศจึงต้องคำนึงถึงการระบายอากาศเสียทิ้งอีกด้วย

4. การหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์ การหมุนเวียนของอากาศบริสุทธิ์ภายในห้องปรับอากาศต้องคำนึงถึงความเร็วของลมด้วย ถ้าลมส่งแรกเกินไปปะทะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยตรงตลอดเวลาแล้ว จะทำให้ผู้อยู่ในห้องรู้สึกไม่สุขสบายได้

5. การกำจัดฝุ่นละออง ควันบุหรี่ กลิ่น และเสียง เนื่องจากห้องปรับอากาศต้องปิดมิดชิดมีการปรับอากาศและระบายอากาศที่ดีซึ่งเป็นการขจัดสิ่งรบกวนต่างๆได้ เช่น ฝุ่นละออง ควัน กลิ่น และเสียงอึกทึกจากภายนอกให้ลดน้องลงได้

Categories
ผลงาน

โรงงานผลิตอาหาร นิคมบางชัน กทม.

งานเปลี่ยนท่อลม จากสังกะสีเป็นสแตนเลส

งานเปลี่ยนท่อลม จากสังกะสีเป็นสแตนเลส

โรงงานผลิตอาหาร นิคมบางชัน กทม.

Categories
ผลงาน

โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ กทม.

งานออกแบบและติดตั้ง

Evaporative Cooling System
30,000 CMH 2 ตัว
18,000 CMH 1 ตัว
P I D Duct
โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ กทม.

Categories
ผลงาน

โรงงานอบสุขภัณฑ์ จ.สระบุรี

งานออกแบบและติดตั้ง

Evaporative Cooling System
18,000 CMH 2 ตัว
P I D Duct
โรงงานอบสุขภัณฑ์ จ.สระบุรี

Categories
บทความ

แอร์โรงงานอุตสาหกรรมและแอร์บ้าน แตกต่างกันยังไง?

แอร์โรงงานอุตสาหกรรมและแอร์บ้าน แตกต่างกันยังไง?

เครื่องปรับอากาศในปัจจุบันนั้น มีอยู่ 3 ประเภทหลักๆ ก็คือ แอร์ระดับล่าง แอร์ระดับกลาง และแอร์ระดับสูง ที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ซึ่งวิธีหลักๆ ในการดูระดับแอร์ก็คือค่า BTU โดยการเลือกแอร์สปีดไทม์ให้เหมาะกับการใช้งานนั้น ผู้ใช้งานจะต้องดู BTU เป็นหลักว่าเหมาะสมกับการใช้งานของเราไหม ถ้าหากผู้ใช้งานเลือกใช้ แอร์โรงงาน ไม่เป็นนั้น จะส่งผลเสียมากมายที่จะตามมาภายหลังอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นทั้งตัวเครื่องแอร์เสียง่ายและค่าใช้จ่ายที่อาจบานปลายนั่นเอง

แอร์โรงงานมีวิธีการทำงานกันอย่างไร

ในระบบแอร์โรงงานส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ระบายอากาศในสถานที่ที่มีขนาดใหญ่ โดยจะมีค่า BTU อยู่ที่ 40,000 ไปจนถึง 150,000 กันเลยทีเดียว ด้วยความที่ตัวเครื่องเองมีขนาดใหญ่ก็จำเป็นต้องใช้กำลังไฟสูงขึ้น โดยจะใช้กำลังไฟอยู่ที่ประมาณ 380 V. ซึ่งจะมีระบบหลักการทำงานที่ไม่แตกต่างกับแอร์บ้านทั่วไปมากนัก สามารถพบเห็นได้ทั่วไปใน โรงงาน อาคารประชุม และแอร์สำนักงานต่าง ๆ เป็นต้น

มีระบบหลักการทำงานที่จะคอยทำหน้าที่ผลิตความเย็นโดยการใช้น้ำเป็นตัวหลักในการแลกเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อถ่ายเทความร้อนมายังภายนอก ซึ่งจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางพัดลมที่ใหญ่และรอบพัดลมเยอะกว่าที่สามารถให้ความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึงและทำงานได้ต่อเนื่องมากกว่ารูปภาพแอร์บ้านทั่ว ๆ ไป

แอร์โรงงานอุตสาหกรรม

แอร์โรงงานอุตสาหกรรม ( Chiller ) เป็นแอร์อีกรุ่นที่มีระบบปรับอากาศขนาดใหญ่ที่มีขนาด BTU มากกว่า 150,000 กันเลยทีเดียว โดยส่วนใหญ่จะถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้าหรืออาคารขนาดใหญ่ ที่ต้องการชะลอคุณภาพของสินค้าหรือเครื่องจักรในโรงงานอุตหกรรม เป็นต้น แอร์อุตสาหกรรมเป็นแอร์รุ่นที่ต้องอยู่ในการดูแลของพนักงานและวิศวะกรเป็นพิเศษ ซึ่งจะแบ่งระบบเป็น 2 ประเภท ก็คือ

  • แอร์โรงงานอุตสาหกรรมรูปแบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ( Water Cooled Chiller ) เป็นระบบขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการทำความเย็นสูง แต่ก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าระบบระบายอากาศด้วยอากาศเช่นกัน โดยจะคอยทำหน้าที่ในการผลิตความเย็นในรูปแบบก๊าซหรือไอเย็นความดันต่ำที่มีสภาเป็นไออิ่มตัวมาอัดอยู่ในคอมเพรสเซอร์ ( Compressor ) เพื่อถ่ายเทความร้อนให้แก่สารทำความเย็นจนมีสถานะเป็นของเหลวที่มีแรงดันสูง 
  • และนำมาลดแรงดันผ่านอุปกรณ์ลดแรงดัน ( Expansion Valve ) เพื่อฉีดของเหลวเข้าอีวาพอเรเตอร์ ( Evaporator ) จะทำให้สารทำความเย็นรับความร้อนจากการฉีดในรอบ ๆ นั้นกลายสภาพเป็นน้ำเย็นที่จะนำมาใช้ให้เกิดความเย็นภายในโรงงานอุตสาหกรรมนั่นเอง เหมาะสำหรับโรงงานที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อทำความเย็น
  • แอร์โรงงานอุตสาหกรรมรูปแบบระบายความร้อนด้วยอากาศ ( Air Cooled Chiller ) เป็นระบบขนาดเล็กที่มีความแตกต่างกันที่การระบายความร้อน ซึ่งจะใช้อากาศในการระบายความร้อน โดยการระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็นจะใช้อากาศดูดหรือเป่าไปยังขดท่อความร้อน และในระบบนี้จะต้องใช้ใบพัดลมจำนวนหลายชุดในระบบนี้ ซึ่งจะมีประสิทธิภาพที่ไม่ดีเท่าระบบระบายความร้อนด้วยน้ำอย่างแน่นอน เพราะ น้ำจะมีความสามารถในการระบายความร้อนได้ดีกว่า และหากใบพัดลมชำรุด ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนจะลดลงไปด้วย เหมาะสำหรับโรงงานที่มีพื้นที่ขนาดเล็กเพื่อทำความเย็น
Categories
ผลงาน

โรงงานผลิตสี นิคมแหลมฉบัง

Service & Mantannace บริการหลังการขาย

โรงงานผลิตสี นิคมแหลมฉบัง

Service & Mantannace บริการหลังการขาย และให้บริการบำรุงรักษาระบบปรับอากาศ ระบายอากาศ ราคาประหยัด มีทีมงานที่มีประสบการณ์ดูแล

Categories
ผลงาน

ห้างเจียรนัยทองคำ จ.ขอนแก่น

งานออกแบบและติดตั้ง Evaporative cooling system โดยใช้ท่อลมผ้า

ที่ตั้ง : ห้างเจียรนัยทองคำ จ.ขอนแก่น

Evaporative. 30,000 CMH 3 ตัว

Categories
ผลงาน

โรงผลิตอาหารสัตว์ จ.สมุทรสาคร

งานออกแบบและติดตั้งพัดลมดูดอากาศและระบายอากาศ

Project : โรงผลิตอาหารสัตว์ จ.สมุทรสาคร

Fresh air Fsa 1,000 TM 30,000 CMH

Exhaust bsb 900 TM 24,000 cmh 

Duct type stainless

Categories
ผลงาน

โรงเรือนเพาะชำ จ.ชลบุรี

ผลงานออกแบบและติดตั้งระบบปรับอากาศ

Project : โรงเรือนเพาะชำ จ.ชลบุรี

งานติดตั้งแอร์ 48,000  BTU 2 ตัว

Brand : carrier